
23
May
ฝรั่งเศส
พาเที่ยว 5 จุดชมลาเวนเดอร์ทั่วโลก
เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ทุ่งลาเวนเดอร์จะเปล่งประกายเป็นสีม่วงละมุนสะพรั่งไปทั่วโลก ตัดกับท้องฟ้าสีครามราวกับภาพฝัน กลีบดอกเล็ก ๆ ที่ผลิบานพร้อมกันเป็นพรมธรรมชาติ สร้างบรรยากาศโรแมนติกและสงบเงียบที่ยากจะลืมเลือน ทุ่งลาเวนเดอร์จึงไม่ใช่เพียงจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติหรือคู่รักเท่านั้น แต่ยังเป็นสวรรค์สำหรับช่างภาพ ศิลปิน ที่จะสามารถเก็บภาพความสวยงามชั่วพริบตาเอาไว้ได้ตลอดกาล และบทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 จุดชมลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยจับใจ ควรค่าแก่การบันทึกไว้ในความทรงจำ
1. Provence (โปรวองซ์), ฝรั่งเศส
เมื่อพูดถึงลาเวนเดอร์ ไม่มีที่ไหนจะเป็นสัญลักษณ์ของดอกไม้นี้ได้เท่า Provence ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดมหึมา โดยเฉพาะแถบ Valensole Plateau คลื่นสีม่วงทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าใสและทุ่งข้าวสาลีสีทอง นอกจากความสวยงามทางสายตาแล้ว ยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของลาเวนเดอร์ที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในโลกแห่งฝัน ฤดูกาลที่ดีที่สุดคือช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงปลายกรกฎาคม ซึ่งสามารถรวมเข้ากับเส้นทางทัวร์ฝรั่งเศสตอนใต้ได้อย่างลงตัว

https://unsplash.com/photos/lavender-field-c1Jp-fo53U8
2. Furano, ฮอกไกโด, ญี่ปุ่น
ฮอกไกโดไม่ได้มีดีแค่หิมะและอาหารสดเพียงเท่านั้น แต่ยังมีดอกไม้ให้ชมมากมายหลากหลายชนิด โดยเฉพาะดอกลาเวนเดอร์ในช่วงฤดูร้อน Furano เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องทุ่งลาเวนเดอร์มากที่สุดของญี่ปุ่น จุดเด่นคือ Farm Tomita ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ที่จัดแต่งอย่างงดงามเป็นลวดลายหลากสี ตัดกับทุ่งดอกลาเวนเดอร์จะมองเห็นฉากหลังเป็นภูเขาและทุ่งเขียว ทำให้ภาพที่ได้งดงามราวกับภาพวาด ทัวร์ฮอกไกโดส่วนใหญ่จึงมักรวม Furano ไว้ในเส้นทางท่องเที่ยวช่วงเดือนกรกฎาคม

https://unsplash.com/photos/lines-of-assorted-flowers-field-during-day-UOlX3oaDqLI
Mayfield Lavender Farm, อังกฤษ
ตั้งอยู่ที่เมือง Banstead ในเขต Surrey ประเทศอังกฤษ ซึ่งไม่ไกลจากลอนดอน มีฟาร์มลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ชื่อว่า Mayfield Lavender Farm ซึ่งเป็นสถานที่ยอดฮิตของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวลอนดอนที่อยากพักใจจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ทุ่งลาเวนเดอร์ที่นี่ปลูกเป็นระเบียบเรียงแถวสวยงาม มีฉากหลังเป็นกระท่อมไม้และต้นแอปเปิ้ล สร้างบรรยากาศชนบทอังกฤษที่แสนอบอุ่น โรแมนติก มีการเปิดให้เข้าชมช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงปลายกรกฎาคม สามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับได้จากลอนดอน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อยแต่อยากเติมความสดชื่นให้จิตใจ

https://www.canva.com/photos/MADGEpQzs08/
4. Bridestowe Lavender Estate, แทสมาเนีย, ออสเตรเลีย
หากคุณพลาดฤดูลาเวนเดอร์ของซีกโลกเหนือ ก็ยังมีอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในซีกโลกใต้ที่น่าสนใจ นั่นคือ Bridestowe Lavender Estate บนเกาะแทสมาเนียของออสเตรเลีย ทุ่งลาเวนเดอร์ที่นี่มีขนาดใหญ่โต มองเห็นฉากหลังเป็นเนินเขาเขียวขจี ตัดกับท้องฟ้าสีสดใส และยังมีผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ที่น่ารักอย่างตุ๊กตาหมี Bobbie ที่ใครเห็นก็อยากหิ้วกลับบ้าน ฤดูบานของที่นี่อยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม เหมาะสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวหน้าร้อนแบบซีกโลกใต้

https://www.canva.com/photos/MAFalCu3L00/
5. Yili (อี๋หลี่), ซินเจียง, จีน
ในเขตซินเจียงของจีน มีเมืองเล็กชื่อว่าอี๋หลี่ (Yili) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "โพรวองซ์แห่งเอเชีย" เพราะมีทุ่งลาเวนเดอร์ที่กว้างใหญ่และสวยงามไม่แพ้ต้นฉบับ จุดเด่นของที่นี่คือฉากหลังของทุ่งม่วงที่เป็นเทือกเขาหิมะและทุ่งหญ้า ทำให้ภาพที่ได้มีความดิบและอลังการแบบยูเรเชีย ฤดูกาลบานของลาเวนเดอร์ในซินเจียงคือช่วงมิถุนายนถึงกรกฎาคม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาทริปใหม่ ๆ ในประเทศจีน

https://pixabay.com/photos/lavender-yili-flower-2884112/
ไม่ว่าจะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์กลางหุบเขาหรือริมทะเล ทั่วทุกมุมโลกต่างก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่รอให้คุณไปสัมผัส สีม่วงละมุนและกลิ่นหอมชวนฝันคือมนตร์เสน่ห์ที่ยากจะลืม หากมีโอกาสอย่าลืมติดตามข่าวสารจาก Gusto World Tour เพื่อที่จะได้ไม่พลาดทัวร์ใหม่ ๆ ที่เราจัดไว้ให้เป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยว