รวมที่เที่ยวเส้นทางสายไหม ทัวร์ประวัติศาสตร์การค้า
หากคุณกำลังมองหาการเดินทางที่ไม่ใช่แค่ "ทริปท่องเที่ยว" แต่คือ "ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต" ที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่อดีตอันรุ่งเรืองของโลกโบราณ ขอเชิญคุณมาร่วมเปิดประตูแห่งประวัติศาสตร์ผ่าน “เส้นทางสายไหม” เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
เส้นทางสายไหมคือเครือข่ายการค้าที่ทอดยาวจาก จีน ผ่าน เอเชียกลาง สู่ ตะวันออกกลางและยุโรป เต็มไปด้วยเรื่องราวของการแลกเปลี่ยนสินค้า วัฒนธรรม และความเชื่อ ที่ทำให้โลกตะวันออก-ตะวันตกมาบรรจบกันอย่างงดงาม สำหรับผู้ที่สนใจอยากตามรอยสถานที่ในประวัติศาสตร์การค้าในประเทศจีนอย่าง “เส้นทางสายไหม” บทความนี้ได้รวบรวมสถานที่ยอดนิยมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
1.ถ้ำผาหินเทียนทีซาน เมืองอู่เว่ย (Tiantishan Grottoes)
ตั้งอยู่ในเมืองอู่เว่ย มณฑลกานซู่ ถ้ำผาหินเทียนทีซาน เป็นหนึ่งในกลุ่มถ้ำพุทธศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุดของจีน ถูกขุดเจาะและสลักขึ้นในช่วงราชวงศ์จิ้นตะวันออก ราวคริสต์ศตวรรษที่ 4 ภายในถ้ำมีภาพจิตรกรรมฝาผนังและพระพุทธรูปแกะสลักที่สะท้อนศิลปะพุทธแบบผสมผสาน ระหว่างอินเดีย จีน และเอเชียกลาง
แม้เวลาจะผันผ่านมากว่า 1,600 ปี ถ้ำแห่งนี้ยังคงเป็นมรดกสำคัญทางจิตวิญญาณ และจุดศูนย์รวมของผู้แสวงบุญและนักประวัติศาสตร์ทั่วโลกจวบจนถึงปัจจุบัน
https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Tiantishan_Caves#/media/File:Tiantishan_Grotto_Budda.jpg/2
2.วัดพระใหญ่ เมืองจางเย่ (Giant Buddha Temple)
หากคุณต้องการชมพระพุทธรูปนอนที่ใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ควรพลาด “วัดพระใหญ่” ในเมืองจางเย่ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ในวิหารหลักยาวกว่า 34 เมตร แกะสลักจากไม้และเคลือบด้วยทองคำตามศิลปะแบบราชวงศ์ซ่ง
นอกจากความยิ่งใหญ่ขององค์พระแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีความสงบเงียบ และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมจีนแบบดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นอีกหนึ่งจุดที่เผยให้เห็นความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในภูมิภาคเส้นทางสายไหม
https://www.canva.com/photos/MAD8GzAX7Xg/
3.ป้อมปราการด่านสุดท้าย เจี่ยยวี่กวน (Jiayuguan Fort)
เดินทางต่อไปยังเมืองเจี่ยยวี่กวน จุดสิ้นสุดตะวันตกของกำแพงเมืองจีน จะพบกับ ป้อมเจี่ยยวี่กวน ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ถือเป็น "ด่านสุดท้ายแห่งแดนมังกร"
สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ป้อมแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ใช้ควบคุมเส้นทางระหว่างจีนและเอเชียกลาง โครงสร้างของป้อมยังคงแข็งแรงและสง่างาม ด้านในมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่อธิบายประวัติศาสตร์การป้องกันชายแดน พร้อมวิวทิวเขาทะเลทรายที่งดงามแบบไร้ที่ติ
https://www.canva.com/photos/MAEJBy8ntUk/
4.ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว เมืองตุนหวง (Crescent Lake)
กลางทะเลทรายโกบีอันแห้งแล้งและร้อนระอุ มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติซ่อนตัวอยู่ นั่นคือ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว รูปร่างโค้งงอราวพระจันทร์เสี้ยว ที่อยู่เคียงข้างกับเนินทรายสูงตระหง่านอย่าง "เนินทรายร้องเพลง"
ทะเลสาบแห่งนี้เป็นโอเอซิสสำคัญของเส้นทางสายไหมในอดีต และยังคงมีน้ำไม่เหือดแห้งตลอดหลายศตวรรษ นักเดินทางสามารถเดินขึ้นเนินทราย ชมพระอาทิตย์ตกดิน หรือขี่อูฐแบบนักเดินทางโบราณ สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลก
https://www.canva.com/photos/MADas_EJxoE/
5.ทะเลสาบเกลือ ฉาข่า (Chaka Salt Lake)
เรียกกันว่า “กระจกแห่งท้องฟ้า” ทะเลสาบเกลือฉาข่า ตั้งอยู่ในมณฑลชิงไห่ เป็นทะเลสาบเกลือที่สะท้อนท้องฟ้าได้งดงามราวภาพวาด
สีฟ้าของท้องฟ้าเมื่อตกกระทบบนผิวเกลือขาวบริสุทธิ์ ทำให้เกิดภาพสะท้อนที่สวยงามเกินจริง นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงไปกลางทะเลสาบเพื่อถ่ายภาพคู่กับ “ท้องฟ้าสะท้อนน้ำ” แบบไร้ขอบเขต บางช่วงฤดูยังสามารถชมปรากฏการณ์เกลือจับตัวเป็นเกล็ดสวยงามราวผลึกหิมะ
https://www.canva.com/photos/MADINNXlDF0/
6.พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมทิเบต เมืองซีหนิง (Tibetan Culture Museum)
สิ้นสุดการเดินทางด้วยการเรียนรู้วัฒนธรรมลึกซึ้งของชนชาวทิเบตที่ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมทิเบต เมืองซีหนิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลชิงไห่
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวบรวมศิลปะ เครื่องแต่งกาย วัตถุโบราณ หนังสือคัมภีร์ และของใช้ในชีวิตประจำวันของชาวทิเบตไว้กว่า 10,000 ชิ้น ที่โดดเด่นคือ พระคัมภีร์ทิเบตเล่มยาวที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวกว่า 600 เมตร นอกจากนี้ ยังมีโซนจำลองวัด โบสถ์ และการดำรงชีวิตของชาวทิเบตในดินแดนสูง
https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Tibet_Museum_(Lhasa)
เส้นทางสายไหมในอดีตไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางการค้าสำคัญของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมของอารยธรรม วัฒนธรรม และศิลปะที่สืบทอดยาวนานหลายพันปี ปัจจุบัน นักเดินทางจากทั่วโลกต่างมุ่งหน้าสู่ภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน เพื่อสัมผัสร่องรอยอารยธรรมโบราณและธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตระการตา สถานที่เหล่านี้ไม่เพียงงดงาม แต่ยังสะท้อนความเชื่อ ความศรัทธา และประวัติศาสตร์ลึกซึ้งของชาวจีนและชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ร่วมกัน