
23
May
จีน
10 สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน ที่ควรไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต
หากพูดถึงประเทศจีน หลายคนอาจนึกถึงภาพกำแพงเมืองจีนอันยิ่งใหญ่ เมืองเก่าแก่อายุนับพันปี หรือเทือกเขาสูงตระหง่านท่ามกลางสายหมอกที่ชวนให้นึกถึงภาพวาดพู่กันจีนแบบโบราณ แต่ความน่าทึ่งของจีนไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะแต่ละภูมิภาคของจีนยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งแหล่งธรรมชาติที่งดงามอลังการ เมืองโบราณที่ยังมีชีวิต ไปจนถึงศิลปวัฒนธรรมที่ยังคงสืบทอดมาหลายร้อยปี
เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน รัฐบาลจีนจึงได้จัดระบบการประเมินและจัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยระดับที่สูงที่สุดคือ “ระดับ 5A” ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์การันตีคุณภาพในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความงดงามของสถานที่ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การบริการสำหรับนักท่องเที่ยว โดยมีหน่วยงานของรัฐเข้าตรวจสอบและประเมินอย่างเข้มงวด
แหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A จึงไม่ใช่เพียงสถานที่สวยงาม แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความลึกซึ้งทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 แหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ที่โดดเด่นทั้งในด้านทัศนียภาพและคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซึ่งล้วนเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดและจะทำให้คุณได้ทำความรู้จักกับประเทศจีนในอีกมุมหนึ่ง
1. พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City)
ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง พระราชวังต้องห้ามเป็นอดีตพระราชวังหลวงของจีนในยุคราชวงศ์หมิงและชิง ซึ่งใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิรวมทั้งสิ้น 24 พระองค์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1406 และใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 14 ปี โดยมีขนาดใหญ่โตจนน่าทึ่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 720,000 ตารางเมตร และมีอาคารมากกว่า 8,000 ห้อง
ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่วิจิตรบรรจง ผังเมืองที่สมมาตร และรายละเอียดที่สะท้อนหลักปรัชญาแบบขงจื่อ พระราชวังแห่งนี้ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจราชวงศ์ แต่ยังเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่สำคัญที่สุดของจีน ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวัง (Palace Museum) ที่รวบรวมโบราณวัตถุมากมายและยังคงรักษาความงามดั้งเดิมไว้อย่างสมบูรณ์

2. พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace)
พระราชวังฤดูร้อน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง เป็นหนึ่งในตัวอย่างของภูมิสถาปัตยกรรมจีนที่งดงามและลงตัวที่สุด โดยเป็นสถานที่พักผ่อนของจักรพรรดิในราชวงศ์ชิง ตัวพระราชวังรายล้อมด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น ทั้งทะเลสาบคุนหมิงและภูเขาอวี้ซาน ซึ่งออกแบบให้กลมกลืนกับสิ่งปลูกสร้าง เช่น ศาลา สะพาน หอคอย และทางเดินไม้ยาวที่มีภาพวาดจีนประดับตลอดเส้นทาง
พระราชวังแห่งนี้ไม่เพียงโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความงามในแนวคิด "ธรรมชาติที่จัดวางด้วยมือมนุษย์" ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมบรรยากาศราชสำนักโบราณท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ

3. อุทยานธรณีแห่งชาติเมืองจางเย่ (Zhangye National Geopark)
ตั้งอยู่ในมณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน อุทยานธรณีแห่งชาติเมืองจางเย่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ภูเขาสีรุ้ง (Danxia Rainbow Mountains)” ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก ด้วยชั้นหินทรายและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ทับถมกันนับล้านปี ทำให้เกิดภูเขาหลากสีสันราวกับภาพวาด อันเป็นผลลัพธ์จากการกัดเซาะของลมและฝน ผสานกับการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก
ทิวทัศน์ของที่นี่เปลี่ยนแปลงตลอดวันตามแสงแดด โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตกจะยิ่งเผยให้เห็นลวดลายสีแดง ส้ม เหลือง และเขียวที่ตัดกันอย่างน่าทึ่ง อุทยานแห่งนี้จึงไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ยังเป็นจุดหมายยอดนิยมของช่างภาพและผู้หลงใหลในธรรมชาติที่ต้องการสัมผัสความงามที่ไม่มีใครเหมือน

4. อุทยานจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou Valley)
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน อุทยานจิ่วจ้ายโกวได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงามที่สุดของจีน ด้วยภูมิประเทศแบบหุบเขาสูงที่เต็มไปด้วยทะเลสาบสีฟ้าใส น้ำตกหลายชั้น ป่าไม้เปลี่ยนสีตามฤดูกาล และยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ จิ่วจ้ายโกวมีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 2,000 ถึงกว่า 4,500 เมตร ทำให้สภาพแวดล้อมที่นี่บริสุทธิ์และอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง
หนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของจิ่วจ้ายโกวคือทะเลสาบหลายแห่งที่มีน้ำใสราวกับกระจก ซึ่งสะท้อนภาพของป่าไม้และท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน สีของน้ำทะเลสาบเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลและสภาพแสง เกิดจากแร่ธาตุธรรมชาติและตะกอนในน้ำ อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมทิเบตและชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อุทยานแห่งนี้จึงไม่เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แต่ยังเป็นพื้นที่วัฒนธรรมที่มีชีวิต

5. อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Forest Park)
ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ยคือหนึ่งในภูมิประเทศที่แปลกตาและงดงามที่สุดของจีน ด้วยเสาหินทรายควอตซ์นับพันที่ตั้งตระหง่านกลางหุบเขา บางแห่งสูงกว่า 200 เมตร ท่ามกลางทะเลหมอกและพืชพันธุ์เขียวชอุ่มตลอดปี ฉาก “ภูเขาลอยฟ้า” ในภาพยนตร์ Avatar ของ James Cameron ก็ได้แรงบัลดาลใจมาจากที่แห่งนี้
จางเจียเจี้ยไม่ใช่แค่สถานที่ชมธรรมชาติ แต่ยังเต็มไปด้วยเส้นทางเดินเขา สะพานแก้วลอยฟ้าสุดหวาดเสียว และลิฟต์กลางผา "ไป่หลง" ที่สูงที่สุดในโลก จุดชมวิวต่าง ๆ จะพานักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสความงามเหนือเมฆ และมองเห็นเสาหินเรียงรายสุดสายตาราวกับโลกแห่งเทพนิยาย เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การมาเยือนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยและธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

6. อุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ (Wulong Karst)
ตั้งอยู่ในอำเภออู่หลง เมืองฉงชิ่ง อุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของระบบธรณีวิทยาหินปูนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก มีจุดเด่นอยู่ที่ภูมิประเทศคาร์สต์ (Karst Topography) ขนาดใหญ่ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินเป็นเวลาหลายล้านปี จนเกิดเป็น “สะพานหินธรรมชาติ” ขนาดยักษ์ และ “หลุมยุบ” ขนาดมหึมาที่เรียกว่า “หลุมฟ้า” (Tiankeng) ซึ่งมีความลึกและเส้นผ่านศูนย์กลางถึงหลายร้อยเมตร
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิวผ่านเส้นทางธรรมชาติที่คดเคี้ยวไปตามหน้าผา ชมสะพานหินสามชั้นที่เรียงตัวกันอย่างน่าทึ่ง และแวะถ่ายภาพที่ "ถ้ำฟูเยียน" หรือสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Transformers Age of Extinction ความอลังการของธรรมชาติที่นี่ผสานเข้ากับบรรยากาศลึกลับและเงียบสงบ ทำให้ อุทยานหลุมฟ้า เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางสายธรรมชาติไม่ควรพลาด

7. เมืองโบราณลี่เจียง (Lijiang Old Town)
ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน เมืองโบราณลี่เจียงเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 800 ปี และเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของชนเผ่านาซี (Naxi) ซึ่งมีภาษา ศิลปะ และธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความโดดเด่นของเมืองอยู่ที่ผังเมืองที่ออกแบบอย่างชาญฉลาด ใช้ระบบลำคลองและสะพานหินเชื่อมโยงบ้านเรือนแบบจีนโบราณที่มุงกระเบื้องและสร้างด้วยไม้ เป็นบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมเสน่ห์
ลี่เจียงไม่ได้เป็นเพียงเมืองอนุรักษ์ แต่ยังคงมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยร้านชา ร้านหัตถกรรมพื้นเมือง คาเฟ่ และเสียงดนตรีพื้นบ้านที่บรรเลงตามตรอกซอกซอย อีกทั้งเมืองนี้ยังตั้งอยู่ใกล้ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) ทำให้มองเห็นฉากหลังเป็นยอดเขาสูงและธรรมชาติบริสุทธิ์ได้อย่างชัดเจน ด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตที่ยังคงสืบทอดอย่างแท้จริง เมืองโบราณลี่เจียงจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และเป็นจุดหมายที่ผู้มาเยือนจีนไม่ควรพลาด

8. ภูเขาสี่ดรุณี (Siguniangshan)
ตั้งอยู่ในอำเภอเซี่ยงเฉิง มณฑลเสฉวน ภูเขาสี่ดรุณี เป็นเทือกเขาที่ได้รับสมญานามว่า “แอลป์แห่งตะวันออก” โดยมีจุดเด่นคือยอดเขาหลักสี่ลูกที่เรียงกันราวกับหญิงสาวพี่น้องสี่คนในตำนานทิเบต ยอดสูงสุดมีความสูงถึง 6,250 เมตร และถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในมณฑลเสฉวน
ภูเขาแห่งนี้เป็นที่หลอมรวมของความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นเมือง มีทั้งป่าสนหนาทึบ ธารน้ำแข็ง ทุ่งหญ้าสูง และหมู่บ้านชาวทิเบตโบราณที่ยังคงวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้อย่างลึกซึ้ง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินเขาหรือปีนเขาได้หลากหลายระดับ ตั้งแต่เส้นทางง่ายที่สามารถมองเห็นยอดเขาในระยะไกล ไปจนถึงการปีนสู่ยอดดรุณีทั้งสี่ สำหรับนักผจญภัยและผู้รักธรรมชาติ นี่คือสถานที่ที่ควรมาสัมผัสอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต
นอกจากทัศนียภาพอันตระการตาแล้ว อากาศที่บริสุทธิ์และความสงบของชุมชนพื้นเมืองยังทำให้การเยือนที่นี่กลายเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม ภูเขาสี่ดรุณีจึงไม่เพียงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักในระดับสากลในหมู่นักปีนเขาทั่วโลก

9. ทุ่งหญ้านาราถี (Nalati Grassland)
ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเขตปกครองตนเองซินเจียง ทุ่งหญ้านาราถี คือทุ่งหญ้าบนภูเขาที่สวยงามตระการตา เป็นหนึ่งในทุ่งหญ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน ด้วยพื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และมีภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และสายลมที่พัดผ่านดอกไม้ป่า ทุ่งหญ้าแห่งนี้จึงได้รับฉายาว่า “สวรรค์บนแผ่นดิน” โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ดอกไม้บานสะพรั่งทั่วผืนทุ่ง
นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าเร่ร่อนเชื้อสายคาซัค ที่ยังคงตั้งกระโจมแบบดั้งเดิม และยังคงใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตโบราณอย่างแท้จริง ทุ่งหญ้านาราถีไม่ได้เป็นเพียงจุดชมวิวธรรมชาติที่งดงาม แต่ยังเป็นจุดรวมวัฒนธรรมของหลายเชื้อชาติ ทั้งคาซัค ฮุย และอุยกูร์ ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศเฉพาะตัวทั้งด้านอาหาร การแต่งกาย และเทศกาล
ด้วยทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงตลอดวัน ตั้งแต่แสงเช้าอุ่นนุ่ม จนถึงพระอาทิตย์ตกกลางทะเลหญ้า ทุ่งนาราถีจึงเป็นสถานที่ที่ดึงดูดทั้งนักถ่ายภาพ นักเดินทางสายธรรมชาติ และผู้แสวงหาประสบการณ์ที่ต่างออกไปจากภาพจำของจีนแบบเดิม ๆ

10. ทะเลสาบไป๋ซา (Baisha Lake)
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของเทือกเขาคุนหลุน ทางตอนเหนือของเขตปกครองตนเองซินเจียง ทะเลสาบไป๋ซา หรือที่แปลว่า “ทะเลสาบทรายขาว” เป็นแหล่งน้ำที่เกิดจากธารน้ำแข็งบนภูเขา ซึ่งล้อมรอบด้วยภูมิประเทศทะเลทรายและเนินทรายสีขาวสว่างสะท้อนแสงอาทิตย์ น้ำในทะเลสาบใสราวกับกระจก บางช่วงของวันจะเปลี่ยนสีไปตามแสงแดดและเงาของภูเขาหิมะเบื้องหลัง ทำให้ภาพทิวทัศน์ดูราวกับภาพวาด
ทะเลสาบไป๋ซาเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึก “เงียบ” อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงไร้เสียงรบกวน แต่ยังไร้ความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ ด้วยความห่างไกลและธรรมชาติที่ยังไม่ถูกรบกวน ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีโลกภายนอกมาสัมผัสความเวิ้งว้างที่สง่างามในแบบทะเลทรายผสานธารน้ำแข็ง
แม้จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แต่ทะเลสาบไป๋ซาเป็นหนึ่งในจุดหมายที่ “เรียบง่ายแต่งดงาม” สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเงียบสงบของธรรมชาติ
