
14
Feb
จีน
แจก 10 พิกัดท่องเที่ยวเมืองเฉิงตู
เฉิงตู (Chengdu) เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน (Sichuan) เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ อาหาร และธรรมชาติ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการมาเยือน ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทั้งธรรมชาติและเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน นี่คือ 10 พิกัดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เมื่อต้องไปเยือนเฉิงตู!
ภูเขาสี่ดรุณี (Siguniangshan) ความงดงามของทิวทัศน์และธรรมชาติ
ภูเขาสี่ดรุณี (Siguniangshan) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Four Girls Mountain" เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ด้วยความสูงของยอดเขาที่แตกต่างกันถึง 4 ยอด ทำให้ภูเขาสี่ดรุณีเป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในจีน โดยเฉพาะในหมู่นักเดินป่าและนักปีนเขา ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น "เทือกเขาหญิงสาว" เพราะยอดเขาทั้งสี่ถูกเปรียบเทียบกับผู้หญิงสี่คนในตำนานของท้องถิ่น
เกร็ดความรู้
ภูเขาสี่ดรุณี (Siguniangshan) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเยี่ยมชมได้ตลอดปี โดยในแต่ละฤดูกาลจะมีเสน่ห์และความงดงามที่แตกต่างกันไป หากคุณมีโอกาสมาเยือนภูเขาแห่งนี้ในหลายๆ ฤดู คุณจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่หลากหลายและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นมาดูกันว่าภูเขาสี่ดรุณีในแต่ละฤดูนั้นมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง!
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
ฤดูใบไม้ผลิถือเป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติของภูเขาสี่ดรุณีเริ่มฟื้นคืนชีพหลังจากฤดูหนาว สภาพอากาศจะเย็นสบายและเหมาะแก่การเดินป่า ในช่วงนี้ ดอกไม้ป่าจะเริ่มบานสะพรั่งทั่วทั้งภูเขา ทุ่งหญ้าสีเขียวจะขยายตัวอย่างเต็มที่ ทั่วทั้งหุบเขาจะมีสีสันสดใสจากดอกไม้หลากหลายชนิดที่บานอยู่ตลอดทาง
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
ฤดูร้อนเป็นช่วงที่ภูเขาสี่ดรุณีมีอากาศอบอุ่นและค่อนข้างสบาย ซึ่งเหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินป่า การตั้งแคมป์ หรือการสำรวจธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังจุดต่างๆ ของอุทยานได้อย่างสะดวก เนื่องจากเส้นทางส่วนใหญ่จะไม่มีหิมะขัดขวาง
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงที่ภูเขาสี่ดรุณีมีความงดงามที่แตกต่างออกไป เนื่องจากใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองและแดง ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจที่สุดของปี การเดินป่าในช่วงนี้จะทำให้คุณได้เห็นวิวธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสีสันที่สวยงาม ทั้งจากใบไม้ที่เปลี่ยนสีและท้องฟ้าที่โปร่งใส
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
ฤดูหนาวในภูเขาสี่ดรุณีเป็นช่วงที่ภูเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ความงดงามของหิมะตกบนยอดเขาทำให้ภูเขาดูเหมือนกับภาพวาดที่สวยงามและเงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความท้าทายและการผจญภัยสามารถปีนเขาไปยังจุดที่สูงขึ้น เพื่อชมวิวหิมะที่ปกคลุมทั้งภูเขา

สี่ดรุณีฤดูร้อน

ฤดูใบไม้ผลิ

สี่ดรุณีฤดูใบไม้ร่วง

สี่ดรุณีฤดูใบไม้ร่วง

สี่ดรุณีฤดูหนาว

สี่ดรุณีฤดูหนาว
ทะเลสาบเต๋อซี (Diexi Lake): ความงามของธรรมชาติที่แสนลึกลับ
ทะเลสาบเต๋อซี (Diexi Lake) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของมณฑลเสฉวน ประเทศจีน เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีความสวยงามและสงบเงียบที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยน้ำที่ใสสะอาดและทิวทัศน์ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสูง ทำให้ทะเลสาบเต๋อซีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่หลงใหลในความงามของธรรมชาติ
จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) สวรรค์ธรรมชาติในมณฑลเสฉวน
จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) เป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่งด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามของทะเลสาบน้ำสีฟ้าคราม, น้ำตก, ป่าไม้หนาทึบ และภูเขาสูง การเดินทางมาที่จิ่วจ้ายโกวจึงเหมือนกับการได้เข้าสู่โลกแห่งความฝัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของความงามทางธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์และไม่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนา..
เกร็ดความรู้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมจิ่วจ้ายโกว
จิ่วจ้ายโกวเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมตลอดทั้งปี แต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามและบรรยากาศที่แตกต่างกันไป
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงที่อากาศจะเริ่มอบอุ่นและทิวทัศน์จะเต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ทำให้ธรรมชาติในอุทยานสดชื่นและเต็มไปด้วยสีสันที่สวยงาม ดอกไม้นานาชนิดจะเริ่มบานในช่วงนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าไม้ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
ฤดูร้อนในจิ่วจ้ายโกวจะมีอากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยว ในช่วงนี้อุทยานจะเต็มไปด้วยความสดชื่นจากน้ำที่สะท้อนท้องฟ้าและต้นไม้ที่เขียวขจี การเดินป่าและท่องเที่ยวตามเส้นทางต่างๆ เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงที่จิ่วจ้ายโกวจะเปลี่ยนเป็นทะเลแห่งสีสันที่สวยงามจากใบไม้ที่เปลี่ยนสี จากสีเขียวเป็นสีแดง สีเหลือง และสีส้ม ทำให้ธรรมชาติในอุทยานมีความงดงามอย่างยิ่ง นอกจากนี้อากาศในฤดูนี้จะเย็นสบายและไม่ร้อนเกินไปฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
ฤดูหนาวในจิ่วจ้ายโกวจะเต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมทั่วทั้งภูเขาและทะเลสาบ ซึ่งเป็นภาพที่งดงามและดูเงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบหิมะและการชมทิวทัศน์ในบรรยากาศเย็นสบายสามารถมาเยือนในช่วงนี้ได้ แต่ควรเตรียมตัวให้พร้อมกับสภาพอากาศหนาวเย็น

จิ่วจ้ายโกวฤดูใบไม้ผลิ

จิ่วจ้ายโกวฤดูร้อน

จิ่วจ้ายโกวฤดูใบไม้ร่วง

จิ่วจ้ายโกวฤดูหนาว

จิ่วจ้ายโกวฤดูหนาว

จิ่วจ้ายโกวฤดูหนาว
อุทยานแห่งชาติหวงหลง (Huanglong Scenic Valley) หุบเขามังกรเหลือง
อุทยานแห่งชาติหวงหลงมีชื่อเสียงจากการเป็นที่ตั้งของ "หุบเขาแห่งมังกรเหลือง" ซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงามและแตกต่างจากสถานที่อื่นๆ ในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสวยงามของ แอ่งน้ำสีทอง หรือ ทะเลสาบหวงหลง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของอุทยาน ที่มีน้ำที่สะอาดใสและสีสันที่หลากหลาย เช่น น้ำสีฟ้าคราม สีเขียวมรกต และสีเหลืองทอง สาเหตุที่น้ำในทะเลสาบมีสีสันแตกต่างกันนั้นมาจากแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ ทำให้เกิดภาพสะท้อนที่สวยงามและน่าทึ่ง
นอกจากนี้ หวงหลงยังเป็นที่ตั้งของ ลำธารหินปูน ที่เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุต่างๆ ที่ทำให้มีลักษณะของหินที่แปลกตาและสวยงามราวกับภาพฝัน และยังมี น้ำตกหวงหลง ที่ตกจากหน้าผาสูงลงมา ทำให้ทิวทัศน์โดยรอบยิ่งดูอลังการและยิ่งใหญ่

อุทยานหวงหลง

อุทยานหวงหลง

อุทยานหวงหลง

อุทยานหวงหลง

อุทยานหวงหลง

อุทยานหวงหลง
อุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกว (Bipenggou National Nature Reserve) ชมวิวหลักล้าน ฟีลยุโรปที่เมืองจีน
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์และไม่ถูกทำลาย อุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกว (Bipenggou National Nature Reserve) ในมณฑลเสฉวน (Sichuan) ประเทศจีน คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด! อุทยานแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 4A ของจีน ซึ่งถือเป็นเกียรติที่ไม่ธรรมดาและเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพและความน่าสนใจของสถานที่นี้
เกร็ดความรู้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกว (Bipenggou National Nature Reserve)
การเลือกช่วงเวลาที่จะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกวนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณต้องการสัมผัสและประสบการณ์ที่คาดหวังจากธรรมชาติที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล ต่อไปนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งนี้:
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม)
ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่อุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกวเต็มไปด้วยความสดชื่นและสวยงาม ดอกไม้ป่าจะบานสะพรั่งและต้นไม้ต่างๆ เริ่มเขียวขจี ทิวทัศน์ของภูเขาและป่าสนที่เปลี่ยนสีจากสีน้ำตาลเป็นสีเขียวจะทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาและการเริ่มต้นใหม่ของธรรมชาติ อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินป่าและสำรวจพื้นที่
ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)
ฤดูร้อนในปี้ผิงโกวเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของป่าไม้และพืชพันธุ์ต่างๆ อากาศไม่ร้อนเกินไป เนื่องจากมีอุณหภูมิที่เย็นสบายจากความสูงของภูเขา และการเดินป่าในช่วงนี้จะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชดอกที่บานสะพรั่ง
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน)
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยือนอุทยานแห่งนี้ ใบไม้จะเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นสีทองและสีแดงสดใส ทำให้ทิวทัศน์ในช่วงนี้มีความงดงามพิเศษเป็นอย่างยิ่ง อากาศในฤดูนี้ก็จะเย็นสบายและไม่ร้อนเกินไป ทำให้การเดินป่าผ่านป่าสีทองอร่ามเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)
ฤดูหนาวในอุทยานแห่งชาติปี้ผิงโกวจะเป็นช่วงเวลาที่อากาศหนาวเย็น และหิมะจะปกคลุมพื้นที่บางส่วน โดยเฉพาะที่ภูเขาสูง ทิวทัศน์ในช่วงนี้จะมีความโรแมนติกและสงบเงียบ หิมะที่ตกลงมาทำให้ทิวทัศน์ของทะเลสาบและป่าไม้ดูสวยงามเหมือนภาพวาด หากคุณชื่นชอบการท่องเที่ยวในสภาพอากาศหนาวเย็นและชมบรรยากาศหิมะ อุทยานแห่งนี้ในฤดูหนาวก็เป็นทางเลือกที่ดี

ปี้เผิงโกวฤดูหนาว

ปี้เผิงโกวฤดูหนาว

ปี้เผิงโกวฤดูหนาว
ถนนคนเดินชุนซีลู่ (Chunxi Road Pedestrian Street) แหล่งช็อปปิ้งใจกลางเฉิงตู
ถนนคนเดินชุนซีลู่ (Chunxi Road Pedestrian Street) ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดของเมืองเฉิงตู (Chengdu) ในมณฑลเสฉวน (Sichuan) ประเทศจีน
อุทยานภูผาหิมะต๋ากู่กลาเซียร์ (Dagu Glacier National Park) ธารน้ำแข็งที่อายุน้อยที่สุด
ต๋ากู่ปิงชวน หรือ Dagu Glacier National Park เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่สวยงามและน่าทึ่งที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใน มณฑลเสฉวน (Sichuan) ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 300 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 4A ของจีน และเป็นธารน้ำแข็งที่มีอายุค่อนข้างน้อยที่สุด
โดยตั้งอยู่ในระดับความสูงที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธารน้ำแข็งอื่นๆ ทั่วโลก แม้จะอยู่ในระดับสูงจากน้ำทะเลประมาณ 3,800-5,100 เมตร แต่ก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากเมืองหลัก ทำให้เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสความงามของธรรมชาติในภูเขาหิมะ
ธารน้ำแข็งแห่งนี้มีอายุหลายล้านปี และมีความสำคัญทั้งในด้านภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1992 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นผ่านดาวเทียม ซึ่งถือเป็นการค้นพบที่สำคัญ
สำหรับการศึกษาภูมิศาสตร์และธารน้ำแข็งในภูมิภาคเอเชีย ภายในอุทยานประกอบด้วยธารน้ำแข็งจำนวนถึง 13 แห่ง รวมพื้นที่กว่า 8.25 ตารางกิโลเมตร ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมและสัมผัสกับธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

ต๋ากู่ปิงชวน

ต๋ากู่ปิงชวน

ต๋ากู่ปิงชวน

ต๋ากู่ปิงชวน

ต๋ากู่ปิงชวน

ต๋ากู่ปิงชวน
สะพานอันชุน (Anshun Bridge) สะพานโบราณอันงดงาม
สะพานอันชุน (Anshun Bridge) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงของเมืองเฉิงตู (Chengdu) ในมณฑลเสฉวน (Sichuan) ประเทศจีน
การเดินข้ามสะพานอันชุนไม่เพียงแต่เป็นการชมทิวทัศน์ที่งดงาม แต่ยังเป็นโอกาสในการสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะการชิมอาหารท้องถิ่นและสัมผัสกับร้านค้าทำมือที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นรอบๆ ย่านนี้เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเมืองเฉิงตูและเยี่ยมชมร้านค้าพื้นเมืองที่จำหน่ายของที่ระลึกต่างๆ รวมทั้งสินค้าทำมือและอาหารท้องถิ่น
นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลประจำปีอื่นๆ บริเวณสะพานอันชุนจะเต็มไปด้วยการประดับประดาด้วยโคมไฟและแสงสี ที่สร้างบรรยากาศสุดพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวและชาวเมือง

สะพานอันชุน

สะพานอันชุน

สะพานอันชุน
ถนนโบราณเมืองตูเจียงเยี่ยน (Dujiangyan Ancient City) ประวัติศาสตร์ยาวนาน
เมืองตูเจียงเยี่ยนมีประวัติยาวนานหลายพันปี และเป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญในด้านการพัฒนาเกษตรกรรมและการบริหารจัดการน้ำของจีน โดยเฉพาะในช่วงสมัยราชวงศ์จิ๋น (Qin Dynasty) การก่อสร้างโครงการชลประทานตูเจียงเยี่ยนโดยกัปตันหลัวกวงจิน (Li Bing) และลูกชายของเขาในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ได้เปลี่ยนแปลงระบบการชลประทานในแถบนี้อย่างยิ่งใหญ่และช่วยให้การเกษตรในมณฑลเสฉวนเจริญเติบโต
ถนนโบราณแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้าของฝาก ร้านอาหารพื้นเมือง รวมถึงสินค้าหัตถกรรมเฉพาะถิ่น การเดินเล่นที่นี่ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตของเสฉวนเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องมาเช็คอินสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวจีนโบราณ ตลอด 2 ฝั่งข้างทางในถนนโบราณนี้ จะมีร้านค้ามากมายให้เลือกซื้อสินค้า อาหารของกินมากมาย ที่เป็นเอกลักษณ์ของเสฉวนแท้ๆเลย
เกร็ดความรู้
โครงการตูเจียงเยี่ยนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปี 2000 เนื่องจากมีความสำคัญทั้งในด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ รวมถึงการที่ระบบนี้ยังคงใช้งานได้ถึงปัจจุบัน และได้มีส่วนสำคัญในการป้องกันน้ำท่วมและให้แหล่งน้ำสำหรับการเกษตรกรรม
ศูนย์อนุรักษ์แพนด้า สัมผัสความน่ารักของแพนด้าได้ที่นี่
ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า Chengdu Giant Panda Breeding Research Base ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1987 โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน หลังจากที่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ของหมีแพนด้าที่ประชากรในธรรมชาติเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลในปี ค.ศ. 1984 พบว่าหมีแพนด้าในธรรมชาติมีเพียงประมาณ 1,500 ตัวเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดความตระหนักถึงความจำเป็นในการอนุรักษ์และปกป้องหมีแพนด้าเพื่อไม่ให้สูญพันธุ์
ศูนย์อนุรักษ์แห่งนี้จึงถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการดูแลและเพาะพันธุ์หมีแพนด้า รวมทั้งการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรหมีแพนด้าในธรรมชาติ นอกจากนี้ ศูนย์ยังได้ขยายขอบเขตการดูแลไปถึงสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ เช่น แพนด้าแดง ลิงสายพันธุ์หายาก และสัตว์ชนิดอื่นที่กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศในธรรมชาติ
เกร็ดความรู้
กิจกรรมที่น่าสนใจในศูนย์อนุรักษ์
- การชมแพนด้าในธรรมชาติ: หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการมาเยือนศูนย์อนุรักษ์คือการได้เห็นแพนด้ายักษ์ในสภาพแวดล้อมที่เหมือนธรรมชาติ โดยสามารถชมแพนด้ากินไผ่ นอนเล่น หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความน่ารักและขี้เล่นของพวกมัน
- การเข้าร่วมกิจกรรมการเลี้ยงแพนด้า: สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่ใกล้ชิดมากขึ้น ศูนย์อนุรักษ์ได้จัดโปรแกรมพิเศษที่ให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเป็น "อาสาสมัครเลี้ยงแพนด้า" โดยจะได้ช่วยทำความสะอาดกรงและให้อาหารแพนด้าภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่พิเศษและสนุกสนานสำหรับผู้ที่รักสัตว์
- การเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์: ภายในศูนย์มีศูนย์การเรียนรู้ที่จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์แพนด้าและการวิจัยทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้อง นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาที่แพนด้ายักษ์เผชิญในธรรมชาติ รวมถึงโครงการต่างๆ ที่ศูนย์ได้ดำเนินการเพื่อป้องกันการสูญพันธุ์
- การชมการแสดงและนิทรรศการ: ศูนย์อนุรักษ์ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแพนด้าและการอนุรักษ์ธรรมชาติอื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมแสดงภาพถ่ายของแพนด้าและกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องของการอนุรักษ์สัตว์

ศูนย์อนุรักษ์แพนด้า

ศูนย์อนุรักษ์แพนด้า

ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า

ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า

ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า

ศูนย์อนุรักษ์แพนด้า